
การฝัง Microchip และขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง ข้อบัญญัติใหม่ที่ Pet Parent ใน กทม. ต้องรู้ “ก่อนบังคับใช้ 10 ม.ค. 69”
Pet Parent ที่มีน้องหมา น้องแมว อยู่ที่บ้าน รวมถึงผู้ที่วางแผนเลี้ยงสัตว์ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับข้อบัญญัติใหม่ของกรุงเทพฯ ในเรื่องการฝัง Microchip และการขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปีหน้า
การฝัง Microchip และขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงเปรียบเสมือนการทำบัตรประชาชนให้กับพวกเค้า ซึ่งจะมีเลขรหัสเฉพาะตัว ทำให้สามารถระบุตัวตนได้ตลอดชีวิต

ประโยชน์ของการฝัง Microchip และขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง
1. ใช้ยืนยันตัวตนเมื่อพวกเค้าหายไป
2. ใช้ยืนยันความเป็นเจ้าของ เมื่อเกิดข้อพิพาท การขโมย หรือการอ้างสิทธิ์ครอบครองสัตว์เลี้ยง
3. ใช้ในประกอบการเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่เกือบทุกประเทศทั่วโลกใช้บังคับ หากไม่มีไมโครชิพ พวกเค้าจะไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศปลายทางได้
4. ช่วยจัดการปัญหาสัตว์ถูกทอดทิ้ง
คำถามที่ถามบ่อยเกี่ยวกับการฝัง Microchip และขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง
บ้าน 1 หลัง หรืออาคารชุด 1 ห้อง สามารถเลี้ยงสัตว์ได้กี่ตัว?
สำหรับผู้เลี้ยงที่อาศัยอยู่ “บ้าน”
- ที่อยู่อาศัย พื้นที่ 20 ตร.วา เลี้ยงสัตว์ได้ไม่เกิน 2 ตัว
- ที่อยู่อาศัย พื้นที่ 50 ตร.วา เลี้ยงสัตว์ได้ไม่เกิน 3 ตัว
- ที่อยู่อาศัย พื้นที่ 100 ตร.วา เลี้ยงสัตว์ได้ไม่เกิน 4 ตัว
ที่อยู่อาศัย พื้นที่ 100+ ตร.วา เลี้ยงสัตว์ได้ไม่เกิน 6 ตัว
สำหรับผู้เลี้ยงที่อาศัยอยู่ “อาคารชุด”

- ที่อยู่อาศัย พื้นที่ 20-80 ตร.ม. เลี้ยงสัตว์ได้ 1 ตัว
- ที่อยู่อาศัย พื้นที่ 80 ตร.ม. ขึ้นไป เลี้ยงสัตว์ได้ไม่เกิน 2 ตัว
ต้องพาสัตว์เลี้ยงมาฝัง Microchip และขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงเมื่อไร?

- สัตว์เลี้ยงเดิมที่เลี้ยงอยู่แล้ว ต้องขึ้นทะเบียนให้เสร็จสิ้น ภายในวันที่ 10 ม.ค. 2569
- รับสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงใหม่ ต้องขึ้นทะเบียนภายใน 30 วัน นับจากวันที่นำสัตว์มาเลี้ยง
- สัตว์เลี้ยงเกิดใหม่ ต้องขึ้นทะเบียนภายใน 120 วัน นับจากวันเกิดของสัตว์เลี้ยง
ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง
1. ลูกค้าเตรียมเอกสารดังนี้
-ใบรับรอง คลส.1 (ทางโรงพยาบาลออกเอกสารดังกล่าวให้หลังจากฝัง Microchip เรียบร้อยแล้ว)
-แบบคำขอจดทะเบียนสุนัข/แมว คลส.2 (ลูกค้าสามารถเตรียมเอกสารมาเอง หรือสามารถมาขอรับเอกสารกับทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล โดยเจ้าของสัตว์เลี้ยงเป็นผู้กรอกรายละเอียดเอง)
กรณีเป็นเจ้าของบ้าน/เจ้าของอาคารชุดเอง
-สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของสัตว์เลี้ยง (พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง)
-สำเนาทะเบียนบ้านของเจ้าของสัตว์เลี้ยง (พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง)
กรณีเป็นผู้เช่า
-เอกสารสัญญาเช่า และเอกสารยินยอมจากผู้ให้เช่า
-สำเนาบัตรประชาชนของผู้ให้เช่า (พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง)
เอกสารเพิ่มเติม (หากมี)
-หนังสือรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (หากมี)
-หนังสือรับรองการทำหมัน จากสัตวแพทย์ (หากมี)
2. นำเอกสารทั้งหมด (คลส.1, คลส.2, สำเนาเอกสารเจ้าของ และเอกสารเพิ่มเติม) ไปยื่นขอขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงได้ที่หน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ได้ที่
- กลุ่มควบคุมโรคพิษสุนัขบ้า ถ.มิตรไมตรี เขตดินแดง โทร. 0-2248-7417
คลินิกสัตวแพทย์ของกรุงเทพมหานคร
- คลินิกสัตวแพทย์ กทม.1 สีพระยา เขตบางรัก โทร. 0-2236-4055 ต่อ 213
- คลินิกสัตวแพทย์ กทม.2 มีนบุรี เขตมีนบุรี โทร. 0-2914-5822
- คลินิกสัตวแพทย์ กทม.3 วัดธาตุทอง เขตวัฒนา โทร. 0-2392-9278
- คลินิกสัตวแพทย์ กทม.4 บางเขน เขตจตุจักร โทร. 0-2579-1342
- คลินิกสัตวแพทย์ กทม.5 วัดหงส์รัตนาราม เขตบางกอกใหญ่ โทร. 0-2472-5895 ต่อ 109
- คลินิกสัตวแพทย์ กทม.6 ช่วงนุชเนตร เขตจอมทอง โทร. 0-2476-6493 ต่อ 1104
- คลินิกสัตวแพทย์ กทม.7 บางกอกน้อย เขตบางกอกน้อย โทร. 0-2411-2432
3. การรับบัตรประจำตัวสัตว์เลี้ยง
หลังขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงแล้ว (ตามขั้นตอนในข้อที่ 2) ทางหน่วยงานจะออก "บัตรประจำตัวสัตว์เลี้ยง" ตามแบบ คลส.3 ให้กับทางเจ้าของสัตว์เลี้ยง
การดำเนินการ ฝัง Microchip และ ขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง จึงไม่ใช่แค่การทำตามกฎหมาย แต่เป็นการยกระดับความรับผิดชอบของ Pet Parent ทุกคน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับสัตว์เลี้ยงที่คุณรัก ลดปัญหาสัตว์เลี้ยงถูกทอดทิ้งในสังคม และทำให้คุณสามารถยืนยันความเป็นเจ้าของได้อย่างมั่นใจ
ดาวน์โหลดเอกสาร
1.ข้อบัญญัติ กทม เรื่องการควบคุมหรือปล่อยสัตว์2567
2.เอกสาร คลส.1
3.เอกสาร คลส.2