โรคภูมิแพ้ในแมว - Arak Animal Hospital

โรคภูมิแพ้ในแมว

ผู้เขียน : สพ.ญ.พิชญาภรณ์ เวชวงษ์

โรคภูมิแพ้ในแมว

 

น้องเหมียวที่บ้านของใครมีอาการแบบนี้บ้างคะ

  • คัน เกา ตามตัวตลอดเวลา หรือ งับเลียแทะขนจนหลุดร่วง
  • พบผื่น หรือรอยแดง บริเวณหน้าผาก ใบหน้า หลังคอ  หน้าท้อง ด้านนอกต้นขา
  • มีน้ำมูกใสๆ จาม บ่อยครั้ง

อาการเหล่านี้ อาจบ่งบอกได้ว่าน้องเหมียวแสนรักของเรา มีปัญหาภูมิแพ้ค่ะ โดยโรคภูมิแพ้ในแมว ที่พบเป็นสาเหตุหลัก แบ่งเป็น

  1. ภูมิแพ้จาก ปรสิตภายนอก (Flea allergic dermatitis)
  2. ภูมิแพ้จากอาหาร (Feline food allergy)
  3. ภูมิแพ้จากสิ่งแวดล้อม (Feline atopy)

       โดยทั้งนี้ต้องทำการวินิจฉัยหาสาเหตุ และหาทางป้องกัน เพื่อไม่ให้อาการรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งสัตวแพทย์จะต้องทำการวินิจฉัยแยกจากโรคติดเชื้ออื่นๆ เช่น เชื้อรา หรืออาการคันจากปรสิตภายนอก และแม้แต่ปัญหาด้านพฤติกรรม สัตวแพทย์จะต้องตัดสาเหตุทั้งหมดเหล่านี้ออกก่อนที่จะเริ่มจัดการกับภาวะภูมิแพ้

อาการขนร่วง จากการเลียตัวเอง เนื่องจาโรคภูมิเเพ้ในเเมว
(Photo credit: AAHA Management of Allergic Skin Diseases in Dogs and Cats Guidelines,2023)
  1. ภูมิแพ้ในเเมวจากน้ำลายหมัด

            มักพบอาการแพ้โดยเกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายของน้องแมวต่อน้ำลายของหมัด แม้แต่การกัดเพียงแค่ครั้งเดียวก็ก่อให้เกิดอาการคันเป็นระยะเวลานานได้ กรณีสาเหตุการแพ้หมัด เพียงเราป้องกันเป็นประจำทุกเดือน หรือทุก3เดือน ตามวิธีข้อบ่งใช้ของยาป้องกันปรสิตภายนอกแต่ละชนิด ก็จะสามารถป้องกันได้ค่ะ

 

  1. ภูมิแพ้ในเเมวจากอาหาร

             ในแมวที่มีปัญหาภูมิแพ้อาหาร นอกจากจะแสดงอาการคัน เกา เลียตัวเองซ้ำๆจนขนร่วงเป็นวงกว้างหรือแทะทึ้งจนเกิดแผลแล้ว ในบางรายอาจะพบปัญหา ช่องหูชั้นนอกอักเสบเรื้อรัง ปัญหาทางเดินอาหาร เช่น อาเจียน ถ่ายเหลว ร่วมด้วย

              การวินิจฉัยภาวะภูมิแพ้อาหารนั้น ไม่มีวิธีการตรวจที่จำเพาะเจาะจง ไม่สามารถวินิจฉัยได้จากการตรวจเลือด ต้องใช้การควบคุมอาหาร โดยให้อาหารที่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ และงดเว้นอาหารอื่นๆนอกเหนือจากนี้ เป็นระยะเวลาประมาณ 8-12สัปดาห์ โดยในแมวที่มีปัญหาภูมิแพ้อาหาร ควรจะต้องมีแนวโน้มของอาการดีขึ้นเป็นลำดับ แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้น หรือแย่ลง สัตวแพทย์ ก็จะต้องทำการวินิจฉัยหาสาเหตุอื่นๆต่อไป

             การปรับอาหารและคุมอาหารในขั้นตอนนี้นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ต้องอาศัยความร่วมมือจากตัวของเจ้าของเองและน้องแมวอย่างมาก ถ้าไม่สามารถคุมได้ หรือมีอาหารอื่นๆร่วมด้วย เช่น ขนมระหว่างวัน อาหารคน ในช่วงระหว่างการทดสอบ อาจส่งผลให้ผลการวินิจฉัยคลาดเคลื่อนหรือไม่สำเร็จได้ หรือน้องแมวบางรายไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ยอมทานอาหาร เกิดสภาวะเครียด อดอาหาร เกิดโรคอื่นๆตามมา โดยมีรายงานว่าสายพันธุ์ที่พบปัญหาได้มากคือ แมวพันธุ์ไทย (Siamese cat ) และจากรายงานยังพบว่าอาหารที่เป็นแหล่งก่อภูมิแพ้ในอาหารมักเป็นกลุ่มโปรตีนจากเนื้อปลา เนื้อวัว ผลิตภัณจากนม มากที่สุดในแมว

         

  1. ภูมิแพ้ที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม

            สารก่อภูมิแพ้ในแมว มีได้หลายอย่างเช่น สารก่อภูมิแพ้ในบ้าน เช่น ไรฝุ่นบ้าน ไรฝุ่นรา เศษซากแมลงสาบสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่นอกบ้าน เช่น ละอองเกสรดอกไม้ หญ้า ฝุ่น เป็นต้น

             อาการที่แสดงออก นอกจากในเรื่องผิวหนังที่แสดงอาการคัน เกา บริเวณใบหน้า ลำตัว หน้าท้อง แล้ว อาจจะพบอาการทางระบบทางเดินหายใจ เช่น จาม มีน้ำมูกใสๆ หายใจลำบากหรือภาวะเยื่อบุตาอักเสบ ร่วมด้วย

             โดยสัตวแพทย์จะทำการวินิฉัยแยกโรคภาวะภูมิแพ้ชนิดอื่นๆก่อนเนื่องจาก สารก่อภูมิแพ้พวกนี้ มักควบคุมหรือหลีกเลี่ยงได้ยากในชีวิตจริง ซึ่งต่างจากการคุมปรสิตภายนอก หรือการคุมอาหาร ที่เป็นปัจจัยที่สัตวแพทย์และเจ้าของสามารถควบคุมได้มากกว่า และเมื่อวินิจฉัยได้แล้วว่าน้องแมวมีปัญหาภูมิแพ้ที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม สัตวแพทย์จะทำการตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ต่อไป เช่น วิธีการตรวจเลือด เพื่อหาแอนตี้บอดี้ต่อสารก่อภูมิแพ้ (serology; IgE specific measurement) เป็นต้น   โดยในน้องแมว เราจะไม่นิยมการตรวจภูมิแพ้ด้วย skin test เท่าใดนัก เนื่องจากแมวมีผิวหนังค่อนข้างบาง จึงนิยมใช้วิธีการตรวจเลือดมากกว่า       

               ภูมิแพ้ที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมมักจะหลีกเลี่ยง หรือป้องกันได้ยากในสภาวะอากาศแบบเมืองไทย อาการในน้องเหมียวกลุ่มนี้จึงมักไม่หายขาด หรือมักแสดงอาการอยู่เรื่อยๆ หรืออาจจะรุนแรงมากขึ้น จนส่งผลถึงการดำเนินชีวีตในประจำวัน ในบางรายอาจจำเป็นต้องทานยาต่อเนื่องเป็นประจำเพื่อคุมอาการระยะยาว  ซึ่งการใช้ยาเพื่อการรักษา นั้นจะมีหลายกลุ่ม ตั้งแต่การใช้ยาในกลุ่มยาแก้แพ้ เช่น แอนตี้ ฮิสตามีน จนไปถึงกลุ่มยากดภูมิ เช่นกลุ่ม ไซโคลสปอริน และ สเตียรอยด์ หรือ หากได้ตรวจเลือดระบุสารก่อภูมิแพ้สาเหตุแล้ว ก็สามารถนำมาทำเป็นวัคซีนภูมิแพ้ (Immunotherapy) เพื่อให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายปรับตัว และลดปริมาณยาที่จำเป็นต้องใช้ลง

           

ภาวะภูมิแพ้อาหารและภาวะภูมิแพ้สิ่งแวดล้อม เป็นภาวะที่จะอยู่กับน้องแมวไปตลอดชีวิต เป้าหมายของการวินิจฉัย รักษา เพื่อหาทางป้องกันหรือหลีกเลี่ยงสิ่งเร้ากระตุ้น เพื่อช่วยให้คุณภาพชีวิตของน้องแมวมีความสุขและอยู่กับเราได้นาน

      

 

              ดังนั้นเมื่อน้องเหมียวของเราแสดงอาการคัน เกาไม่หยุด คุณเจ้าของอย่าเพิ่งชะล่าใจไปนะคะ  เพราะอาการคันอาจจะเพิ่มระดับความรุนแรง จนขนร่วง หรือแม้กระทั้งเป็นเกิดเป็นแผลและมีการติดเชื้อตามมาได้ค่ะ ดังนั้นแนะนำให้รีบพามาพบสัตวแพทย์เพื่อทำการตรวจและวินิจฉัยหาสาเหตุ และการป้องกันต่อไปค่ะ🐾

 

--------------------------------------------------------------------------------------
บทความโดย  สพ.ญ.พิชญาภรณ์ เวชวงษ์

สอบถามเพิ่มเติม และนัดหมาย

แชร์