เลเซอร์กับการรักษาโรคในสัตว์เลี้ยง นวัตกรรมการรักษาเพื่อน้องหมา น้องแมว
หลายคนเคยได้ฟัง ได้ยิน หรือเคยผ่านหูผ่านตา เกี่ยวกับการใช้เลเซอร์ในชีวิตประจำวันมากมาย รวมถึงการนำมาใช้ในการรักษาโรคในคนกันมาบ้างแล้ว
ซึ่งในด้านของการรักษาน้องหมา น้องแมวก็มีการนำเลเซอร์มาใช้ด้วยเช่นกัน ทั้งในแง่ของการวินิจฉัย และการรักษาโรค บทความนี้หมอจึงอยากให้ความรู้เกี่ยวกับเลเซอร์ที่นำมาใช้ในการรักษาน้องๆ กันนะครับ
ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับเลเซอร์กันก่อน เลเซอร์ (Laser) เป็นชื่อย่อมาจาก Light Amplification By Stimulated Emission of Radiation เป็นคลื่นแสงที่แตกต่างจากแสงทั่วๆ ไป โดยมีคุณสมบัติที่มีความยาวคลื่นเพียงค่าเดียว (monochromatic), มีความพร้อมเพรียง (Coherence) ของคลื่น และ มีทิศทางของคลื่นที่แน่นอน (directionality)
เลเซอร์มีหลายระดับ แต่ละระดับมีคุณสมบัติ การใช้ประโยชน์ และความอันตรายที่แตกต่างกัน โดยแบ่งเป็น 4 ระดับ(class)
- Class I : เลเซอร์ที่มีกำลังน้อย ไม่มีความอันตราย เช่น เครื่องอ่านบาร์โค้ด
- Class II : เลเซอร์ที่มีกำลังต่ำ สามารถมองเห็นได้ มีความอันตรายไม่มาก เช่น เครื่องเลเซอร์พอยต์เตอร์
- Class III : เลเซอร์ที่มีกำลังปานกลาง เช่น เครื่องเลเซอร์สำหรับการรักษา (กายภาพบำบัด) อาจมีความอันตรายต่อดวงตาและผิวหนัง การใช้จึงต้องมีอุปกรณ์ป้องกัน
- Class IV : เลเซอร์ที่มีกำลังสูงมาก เช่น เครื่องเลเซอร์สำหรับการผ่าตัด และ สำหรับงานอุตสาหกรรมลำแสงเลเซอร์ระดับนี้ถือว่ามีอันตรายต่อตาและผิวหนังมาก แม้จะเป็นลำแสงที่สะท้อน ก็สามารถทำอันตรายได้
ที่มา : https://telecom.samm.com/laser-hazard-classes-and-eye-safety
ชนิดเลเซอร์ | ขนาดของกำลัง | ผลต่อเนื้อเยื่อ | การใช้งาน |
1 2 | กำลังต่ำ | ไม่มีผลต่อเนื้อเยื่อและดวงตา | ใช้สำหรับอ่านบาร์โค๊ด, Pointer |
3A 3B | กำลังปานกลาง | มีผลต่อดวงตา | ใช้สำหรับกายภาพบำบัดซึ่งให้กำลังเฉลี่ย 50 mW ซึ่งเรียกว่า LLLT |
4 | กำลังสูง | มีผลต่อเนื้อเยื่อ | ใช้สำหรับการผ่าตัด |
ในด้านทางการสัตวแพทย์ มีการนำเลเซอร์มาใช้ประโยชน์ ดังนี้
- การผ่าตัดด้วยเลเซอร์ จะใช้แสงเลเซอร์ที่มีกำลังสูง เมื่อตัดผ่านเนื้อเยื่อจะทำให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก และช่วยลดความเสียหายของเนื้อเยื่อข้างเคียง
- การรักษาแผลโดยแสงเลเซอร์ จะกระตุ้นการทำงานของเซลล์ (Cellular respiration) เพิ่มการสังเคราะห์ ATP (ATP synthesis) เพิ่มการสร้างคอลลาเจน และโปรตีน ทำให้แผลหายเร็วขึ้น
- รักษาผิวหนัง ลดการอักเสบของผิวหนัง เพิ่มการซ่อมแซมผิวหนัง และ กระตุ้นการงอกของขน
- ด้านการกายภาพบำบัด ซึ่งเป็นด้านที่เรานำเอาเลเซอร์มาใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด
เลเซอร์ที่นำมาใช้ทางกายภาพบำบัดแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ เลเซอร์กำลังสูง (HPL : High power laser therapy) และ เลเซอร์ระดับต่ำ (LLLT : Low level laser therapy) โดยเลเซอร์พลังงานต่ำมีความอันตรายต่อเนื้อเยื่อน้อยกว่าเพราะให้ความร้อนที่น้อยกว่า จึงถูกเรียกอีกชื่อว่า เลเซอร์เย็น ปลอดภัยกว่าแต่ก็จะใช้ระยะเวลาในการรักษาแต่ละครั้งมากกว่าการใช้เลเซอร์พลังงานสูงเช่นกัน เลเซอร์ทั้งสองประเภทมีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน ดังนี้
- ลดการอักเสบ (inhibit inflammation) : ลดระดับของสารก่อการอักเสบ (inflammatory mediators)และสารตั้งต้นของการอักเสบ (proinflammatory cytokines) และ ลดอนุมูลอิสระ (oxidative stress)
- ลดอาการปวด (analgesic)
- เพิ่มการไหลเวียนเลือดและน้ำเหลือง (promote circulation) ผ่านกระบวนการที่ทำให้เกิดการสั่นของอะตอมในเซลล์ และความร้อนที่จะทำให้เกิดคลื่นแรงดันภายในเนื้อเยื่อ (elastic pressure wave) ซึ่งจะช่วยนำออกซิเจน สารอาหาร และสารกระตุ้นการเจริญเติบโต (growth factor) สู่เนื้อเยื่อที่ดีขึ้นและกระตุ้นการสร้างหลอดเลือดใหม่
จากคุณสมบัติดังกล่าว เลเซอร์จึงเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาที่เหมาะกับน้องหมา น้องแมวที่ป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดจากระบบกระดูก กล้ามเนื้อ และระบบประสาท เช่น เจ็บขา ขากะเผลก กล้ามเนื้ออักเสบ ข้อเสื่อม สะบ้าเคลื่อน ขาหลังอ่อนแรง และ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท รวมทั้งยังสามารถใช้ในการรักษาแผลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแผลอักเสบ แผลกดทับ หรือ แม้กระทั่งแผลหลังการผ่าตัด การใช้เลเซอร์ก็จะช่วยให้แผลเหล่านี้หายได้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตามการใช้เลเซอร์รักษา ก็มีข้อควรระวัง คือห้ามใช้ในน้องหมา น้องแมวที่ป่วยเป็นโรคลมชัก มีไข้สูง เป็นมะเร็ง ตั้งครรภ์ หรือลูกสัตว์ที่กระดูกยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ดังนั้นก่อนตัดสินใจใช้เลเซอร์ในการรักษา ควรมาพบสัตว์แพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของปัญหา และออกแบบการรักษาให้เหมาะสมกับน้องหมา น้องแมวป่วยแต่ละรายไป เพื่อให้เกิดประโยชน์และปลอดภัยมากที่สุดสำหรับน้องหมา น้องแมวครับ