
ฝุ่น PM2.5 กับสุขภาพสัตว์เลี้ยง
ปัจจุบัน “ฝุ่น PM2.5” กลายเป็นปัญหาด้านคุณภาพอากาศที่พบได้แทบตลอดปีในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ที่มีค่าฝุ่นสูงดังที่เราเห็นในข่าว PM2.5 หนาแน่นจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของทั้งคนและสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสุนัขและแมว ที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองจากฝุ่นได้ด้วยตัวเองเหมือนกับเรา
ฝุ่น PM2.5 คืออะไร? ทำไมถึงอันตรายต่อสุนัขและแมว
PM2.5 คือฝุ่นขนาดเล็กมาก เล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งสามารถเล็ดลอดเข้าปอด ซึมผ่านผนังปอดเข้าสู่กระแสเลือด ฝุ่นนี้สามารถทำให้เกิดการระคายเคืองแบบเฉียบพลัน เห็นอาการได้ภายใน 1-2 วัน ซึ่งส่วนมากจะเกิดกับระบบทางเดินหายใจ และแสดงอาการโดยการ ไอ จาม มีเลือดกำเดาไหล และผิวหนังเป็นผื่นแพ้ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาในมนุษย์ที่ทำให้เกิดโรคเรื้อรังในระยะยาวได้ เช่น โรคหลอดเลือดตีบ โรคมะเร็งปอด และยังเข้าสู่รกทำให้มีปัญหาคลอดก่อนกำหนดได้

สำหรับผลกระทบต่อสัตว์เลี้ยง แม้จะยังมีการศึกษาที่ไม่มากเทียบเท่ากับคนเรา แต่ก็เริ่มมีรายงานความเกี่ยวข้องของฝุ่น PM 2.5 กับอัตราการการเกิดโรคทางเดินหายใจที่มากขึ้น โดยเฉพาะ ภาวะหอบหืดในแมว (feline asthma) และ ภาวะหลอดลมอักเสบชนิดเรื้อรัง (chronic bronchitis)
สัญญาณอันตรายที่บอกว่าสัตว์เลี้ยงอาจได้รับผลกระทบจาก PM2.5

- ไอเรื้อรัง ไอมีเสียงเหมือนติดคอ
- หายใจลำบาก มีเสียงหวีด หรือมีเสียงดัง หายใจเร็วผิดปกติ
- น้ำมูกไหล จามบ่อย หรือ มีเลือดกำเดาไหล
- ดวงตาแดง ระคายเคือง หรือมีขี้ตามาก
- มีผื่นแดง คัน ผิวแดง ผิวหนังอักเสบ

ในช่วงที่มีฝุ่น PM 2.5 หนาแน่น ลองสังเกตอาการเหล่านี้ หากสัตวเลี้ยงแสดงอาการดังกล่าว ควรระวังเป็นพิเศษโดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงพันธุ์หน้าสั้น เช่น ปั๊ก บูลด็อก ชิสุห์ และแมวเปอร์เซีย จะมีความเสี่ยงต่อฝุ่น PM2.5 และมลพิษในอากาศสูงกว่าสัตว์เลี้ยงสายพันธุ์อื่น ๆ ทั่วไป ถ้าเจ้าของสังเกตว่าน้องหมาน้องแมวเริ่มมีปัญหาจนส่งผลต่อชีวิตประจำวัน แนะนำให้พามาพบสัตวแพทย์
มีหน้ากากอนามัยสำหรับสุนัขและแมวหรือไม่?
ต้องตอบว่ามี แต่ยังไม่มีผลการพิสูจน์เลยว่า การใส่หน้ากากอนามัยให้สัตว์เลี้ยง สามารถป้องกัน PM 2.5 ได้ และด้วยโครงหน้าของสุนัขและแมวแต่ละสายพันธุ์นั้นแตกต่างกัน จึงเป็นการยากมากที่จะหาหน้ากากอนามัยที่มีขนาดพอดี ซ้ำยังอาจก่อให้เกิดความรำคาญ และยังทำให้หายใจได้ลำบาก เพิ่มความเครียดให้น้องหมาน้องแมวด้วย

ดังนั้นการที่จะช่วยป้องกันสัตว์เลี้ยงจาก PM2.5 ต้องอาศัยการดูแลด้านอื่นๆ
- งดพาสัตว์เลี้ยงออกนอกบ้านในวันที่ค่าฝุ่นสูง
- ใช้เครื่องฟอก HEPA Filter อากาศในบ้าน
- เช็ดตัว–เช็ดอุ้งเท้าทุกครั้งหลังออกนอกบ้าน
- อาบน้ำ–บำรุงผิวหนังอย่างถูกวิธี เพื่อเสริมสร้างเกราะป้องกันให้ผิวหนัง เช่น ใช้แชมพูสูตรอ่อนโยนหรือสูตรรักษาผิวหนัง เสริมกรดไขมันทั้งแบบกิน หรือแบบหยดหลังตามสัตวแพทย์แนะนำ
เวลาเปิดให้บริการของแต่ละสาขา
สาขาทองหล่อ (กรุงเทพฯ)
เปิดบริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
โทรศัพท์ 02-106-9977
สาขาหลังสวน (กรุงเทพฯ)
เปิดบริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
โทรศัพท์ 02-106-9970
สาขาเพชรเกษม (กรุงเทพฯ)
เปิดบริการทุกวัน 08.00 – 24.00 น.
โทรศัพท์ 02-106-9973
สาขาเชียงใหม่
เปิดบริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
โทรศัพท์ 02-106-9971
สาขาภูเก็ต
เปิดบริการทุกวัน 08.00 – 22.00 น.
โทรศัพท์ 02-106-9972